|
|||
|
|||
พระราชวังสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม |
|
|
|
การเดินทาง :- ![]() ![]() ![]() ( ทางหลวงหมายเลข 338 ) มุ่งหน้าสู่ จังหวัดนครปฐม ![]() ดูภาพด้านล่างนะครับ ![]()
อธิบายกันตรงนี้ก่อน เพื่อความเข้าใจ เลย ป้ายบอกเส้นทาง ไปนิดเดียว ทางด้านขวามือ คือ ห้างเทสโก้ โลตัส สาขานครชัยศรี จาก หลักกิโลเมตรที่ 43 ถนนเพชรเกษม ให้ท่าน ขับตรงไป ประมาณ 800 เมตร ( หลักกิโลเมตรที่ 43 + 800 ถนนเพชรเกษม ) ก็จะถึง ร้านเป็ดพะโล้เจียมจันทร์ ซึ่งอยู่ ทางด้านซ้ายมือ ดูภาพด้านล่างนะครับ ![]()
จำหน่ายอาหารตามสั่ง จำหน่ายเป็ดพะโล้ จำหน่ายผัดไทยกุ้งสด เวลาเปิด 8.00 - 17.00 น. หยุดทุกวันอังคาร หลักกิโลเมตรที่ 43+800 ถนนเพชรเกษม 63/9 ถ.เพชรเกษม ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อาหารแนะนำ 1.เป็ดพะโล้ 2.แกงส้มปลาช่อนทอด 3.ผัดไทยกุ้งสด 4.ต้มยำปลาช่อน 5.ฮ้อยจ๊อปู 6.กระเพราเป็ด 7.เป็ดกระเทียมพริกไท 8.ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 089-1536885 จาก ร้านเป็ดพะโล้เจียมจันทร์ ให้ท่าน ขับตรงไป ประมาณ 8.8 กิโลเมตร ( หลักกิโลเมตรที่ 52 + 600 ถนนเพชรเกษม ) ก็จะถึง ป้ายบอกเส้นทาง ดูภาพด้านล่างนะครับ ![]()
จาก ป้ายบอกเส้นทาง ให้ท่าน ขับเลนซ้ายสุด ประมาณ 200 เมตร ก็จะถึง สะพาน..ไปจังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ ทางด้านซ้ายมือ เมื่อถึง สะพาน..ไปจังหวัดนครปฐม ให้ท่าน ขับขึ้น สะพาน..ไปจังหวัดนครปฐม หลังลง สะพาน..ไปจังหวัดนครปฐม เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ขับตรงไป ประมาณ 3.3 กิโลเมตร ก็จะถึง 4 แยกไฟแดง ดูภาพด้านล่างนะครับ ![]()
( ถ้า เลี้ยวขวา จะไป ตลาดนครปฐม ) ( ถ้า ตรงไป จะไป พระปฐมเจดีย์ ) ให้ท่าน เลี้ยวซ้าย ไป พระราชวังสนามจันทร์ จากนั้น ขับตรงไป ประมาณ 200 เมตร ก็จะถึง ทางแยก จากนั้น เลี้ยวขวา จากนั้น ขับตรงไป ประมาณ 1.9 กิโลเมตร ก็จะถึง แยกไฟแดง จากนั้น เลี้ยวขวา จากนั้น ขับตรงไป ประมาณ 400 เมตร ก็จะถึง พระราชวังสนามจันทร์ ![]()
![]()
![]()
เป็นพระตำหนักที่มีลักษณะคล้ายปราสาทขนาดย่อม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบ เรอเนซองส์ ( Renaissance ) ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบ ฮาล์ฟทิมเบอร์ ( Half Timbered ) ของอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศในประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามใหญ่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ขึ้นราวปีพุทธศักราช 2450 โดยมี หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ ในปีพุทธศักราช 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระตำหนักว่า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีขึ้นพระตำหนัก เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2460 พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น ทาสีขี้ไก่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดง ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม และห้องสรง ชั้นล่างทางทิศตะวันตกเป็นห้องรอเฝ้าฯ และเคยใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในการออกหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายสัปดาห์ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงใช้เป็นที่ประทับในฐานะที่ทรงเป็นผู้บัญชาการเสือป่า เมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า ณ พระราชวังสนามจันทร์ และพระองค์โปรดที่จะประทับ ตลอดช่วงปลายรัชกาล เมื่อเสด็จฯ ยังพระราชวังสนามจันทร์ ![]()
![]()
เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทอง ทาสีแดง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบ นีโอคลาสสิก ของประเทศทางตะวันตก แต่ได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วนให้เหมาะกับภูมิอากาศแบบเมืองร้อน พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ สะพานดังกล่าวหลังคามุงกระเบื้อง และติดหน้าต่างกระจกทั้งสองด้านตลอดความยาวของสะพานที่เชื่อมติดต่อถึงกัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ ในราวปีพุทธศักราช 2459 โดยมี หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ และฉนวนสะพานเชื่อมพระตำหนัก เป็นกลุ่มอาคารที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลพระราชหฤทัยจาก บทละครเรื่อง My Friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman ซึ่งทรงแปลบทละครเรื่องนี้เป็นภาษาไทยชื่อว่า มิตรแท้ โดยทรงนำชื่อตัวละครในเรื่องมาเป็นชื่อของพระตำหนัก ![]()
ย่าเหล เป็นสุนัขพันธุ์ทางหางเป็นพวง สีขาวด่างดำ หูตก เกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เป็นสุนัขของ หลวงชัยอาญา ( โพธิ์ เคหะนันท์ ) ซึ่งเป็นพะทำมะรง ( ผู้ควบคุมนักโทษ ) อยู่ในขณะนั้น ( ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระพุทธเกษตรานุรักษ์ ) เมื่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตรวจเรือนจำ ทอดพระเนตร ย่าเหล ซึ่งเป็นลูกสุนัข ก็ตรัสชมว่าน่าเอ็นดู ต่อมาหลวงชัยอาญา จึงน้อมเกล้าฯ ถวาย จึงทรงรับมาเลี้ยงและพระราชทานนามว่า ย่าเหล ย่าเหล ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในราชสำนักใกล้ชิดพระยุคลบาท มีความเฉลียวฉลาด และมีความจงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์เป็นอย่างมาก คืนหนึ่ง ย่าเหล ได้หนีออกมาเที่ยวตามวิสัยสัตว์ และได้กัดกับสุนัขอื่นในบริเวณกรมทหาร มหาดเล็กรักษาพระองค์ ( ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมการรักษาดินแดน ) และพลัดถูกลูกกระสุน ซึ่งทหารผู้หนึ่งได้ยิงปืนออกมา เมื่อได้ยินเสียงสุนัขกัดกัน และไม่ทราบว่ากระสุนได้พลัดไปถูกย่าเหล การสูญเสีย ย่าเหล สุนัขที่โปรดปรานในครั้งนี้ ทำให้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เศร้าสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานศพ ย่าเหล เป็นอย่างดี และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง อนุสาวรีย์ย่าเหล ขึ้นด้วยโลหะทองแดง ณ บริเวณด้านหน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และทรงพระราชนิพนธ์คำไว้อาลัย ซึ่งออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกของพระราชหฤทัยของพระองค์ จารึกไว้บนแผ่นทองแดงใต้อนุสาวรีย์แห่งนี้ด้วย ![]()
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์สำหรับพระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเนศวร เทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล เทวาลัยคเณศร์ ตั้งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดศิลปวิทยาการ และการประพันธ์เป็นพิเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ สำหรับบวงสรวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ และเมื่อมองจาก พระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน ![]()
![]()
เป็นพระที่นั่งที่เชื่อมต่ออยู่กับพระที่นั่งวัชรีรมยา โดยมีโถงใหญ่และหลังคาของพระที่นั่งทั้งสององค์เชื่อมติดต่อกัน เครื่องประดับตกแต่งหลังคาเหมือนกัน แต่องค์พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์เป็นพระที่นั่งทรงไทยแบบศาลาโถงองค์ใหญ่ชั้นเดียว หน้าบันอยู่ทางทิศเหนือเป็นรูปจำหลักท้าวอมรินทราธิราชประทานพร ประทับอยู่ในพิมานปราสาทสามยอด พระหัตถ์ขวาทรงวชิระ พระหัตถ์ซ้ายประทานพร แวดล้อมด้วยบริวาร ประกอบด้วยเทวดาและมนุษย์ห้าหมู่ พระที่นั่งองค์นี้ทรงใช้เป็นที่ออกงานสโมสรสันนิบาต เสด็จฯ ออกขุนนางเพื่อปรึกษาหารือข้อราชการ เป็นที่อบรมกองเสือป่า และใช้เป็นที่แสดงโขนละครต่างๆ พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์เป็นพระที่นั่งที่กว้างขวาง จุคนได้มากจึงมีชื่อเรียกติดปากชาวบ้านว่า โรงโขน เดิมเคยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระมหาเศวตฉัตรมาประดิษฐานไว้ภายใน ![]()
เป็นเรือนไทยที่สมบูรณ์แบบ นายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ พระยาวิศุกรรมศิลป์ประสิทธิ์ ( น้อย ศิลปี ) พระตำหนักทับขวัญ ประกอบด้วย กลุ่มเรือน 8 หลัง ได้แก่ เรือนใหญ่ 4 หลัง เรือนเล็ก 4 หลัง ซึ่งได้สร้างให้หันหน้าเข้าหากัน 4 ทิศ เรือนหลังใหญ่เป็นหอนอน 2 หอ ( ห้องบรรทมเป็นหอนอนที่อยู่ทางทิศใต้ ) อีก 2 หลังเป็นเรือนโถง และเรือนครัวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ส่วนเรือนเล็ก 4 หลังนั้นตั้งอยู่ตรงมุม 4 มุมและ 1 หลัง ได้แก่ หอนก 2 หลัง เรือนคนใช้ และเรือนเก็บของ เรือนทุกหลังมีชานเรือนเชื่อมกันโดยตลอด บริเวณกลางชานเรือนปลูกต้นจันไว้ให้ร่มเงา พระตำหนักทับขวัญ เป็นเรือนไม้กระดาน ฝาเรือนทำเป็นฝาปะกนกรอบลูกฟัก ฝีมือประณีต เชิงชายและไม้ค้ำยันสลักเสลาสวยงาม หลังคาแต่เดิมมุงด้วยจาก หลบหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา ตัวเรือนทุกหลังรวมทั้งพื้นนอกชานทำด้วยไม้สักล้วน ใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบฉบับของชาวไทยโบราณ รอบๆ บริเวณปลูกไม้ไทยชนิดต่างๆ นับเป็นเรือนที่อยู่ในประเภทเรือนคหบดีและมีส่วนประกอบครบ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อรักษาศิลปะบ้านไทยแบบโบราณ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักใหม่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2454 พระองค์ได้ประทับแรม ณ พระตำหนักทับขวัญนี้เป็นเวลา 1 คืน และเมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า พระตำหนักองค์นี้ใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่าราบหนักรักษาพระองค์ ![]()
พระที่นั่งพิมานปฐม พระราชวังสนามจันทร์ เป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2450 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก แต่ดัดแปลงให้เหมาะกับเมืองร้อน ช่องระบายลมและระเบียงลูกกรงโดยรอบฉลุ สลัก เป็นลวดลายตามแบบไทยอย่างปราณีตงดงาม พระที่นั่งชั้นบนประกอบด้วยห้องต่างๆ ซึ่งยังมีป้ายชื่อ ปรากฎอยู่จวบจนปัจจุบัน คือ ห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และห้องพระเจ้า ซึ่งเป็นหอพระ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่ง และยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือ พระยาอนุศาสน์จิตรกร ( จันทร์ จิตรกร ) ซึ่งงดงามน่าชมมาก พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ( โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติ จนถึงปีพุทธศักราช 2458 ) ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ
ลิงค์ที่น่าสนใจ :-
|
|
|
![]() | ![]() |
![]() | ![]() ![]() |
Copyright © 2002 All right reserved. webmaster@hamanan.com ![]() |
![]() |
![]() |
![]() |